จากรณี คนร้าย บุกเดี่ยวเข้าไปในธนคารกรุงเทพสาขา เซ็กซี่บาคาร่า ห้างบิ๊กซีกระบี ม.11 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ ก่อนใช้อาวุธปืนจี้พนักงานที่หน้าเคาเตอร์ ให้ใส่เงินในย่าม ที่เตรียมไว้ โดยได้เงินสดไปจำนวน 119,781 บาท ก่อนหลบหนี แล้วไปสลัดเสื้อเจ็คเก็ตทิ้งไว้ที่พงหญ้าริมถนนห่างจากหน้าห้าง ประมาณ 50 เมตร ท่ามกลางความตกตะลึงของพนักงาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในธนาคาร พบว่าคนร้าย เป็นชายอายุประมาณ 30-40ปี ไว้ผมยาวเกือบถึงบ่า สวมเสื้อเจ็คเก็ตสีดำ ที่ปกคอเสื้อสีแดง สวมทับเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ เดินถือกระเป่าย่ามสีขาวเข้ามาในธนาคารเพียงคนเดียว ก่อนข่มขู่พนักงานเอาเงินสดในลิ้นชักใส่ย่ามสีขาวที่เตรียมมา โดยทำท่าชักอาวุธปืนออกมา ก่อนที่พนักงานจะส่งเงินใส่ย่าม จากนั้นคนร้ายก็หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อ เวลา 18.41น.วันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา
คืบหน้า เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 19 พ.ค.61 พ.ต.อ.สมเด็จ สุขการ ผกก.สภ.เมืองกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ และชุดสืบสวน ภ.จว.กระบี่
ได้นำตัวนายอรรถสิทธิ์ ศรีวรรธนะ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/ 245 ม.2 ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืน (ปลอม) บุกเข้าไปจี้ชิงเงินจากหน้าเคาน์เตอร์ภายในธนาคารกรุงเทพ สาขา สาขาบิ๊กซีกระบี่ ถ.เพชรเกษม ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่และได้เงินไปจำนวน ได้เงินสดไปจำนวน 119,781 บาท ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ ท่ามกลางประชาชน ที่มาช๊อบปิ้ง ภายในห้าง จำนวนกว่า 100 คน ที่มายืนมุงดู และยกโทรศัพท์ขึ้นมาไลฟ์สด พ.ต.อ.สมเด็จ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ได้รับจ้างเป็นพนักงานบริษัทปูน แห่งหนึ่ง และได้ออกจากงานมาหลายเดือน ประกอบกับได้นำรถยนต์ของภรรยา ไปจำนำ และไม่มีเงินไปไถ่คืนจึงได้วางแผนจี้ชิงเงินของธนาคารกรุงเทพ สาขาบิ๊กซีกระบี่ เพื่อนำเงินไปไถ่รถคืน โดยได้เวียนมาดูลาดเลาหลายครั้งแล้ว และก่อนที่จะเข้าไปจี้ชิงเงินของธนาคาร ได้ไปซื้อปืนปลอมภายในห้างจากแผนกขายของ 20 บาท ก่อนบุกเข้าไปภายในธนาคาร จี้ชิงเอาเงินสดจากธนาคารไปได้จำนวน 11,9781 บาท จากนั้นได้เดินหลบหนีออกทางหน้าห้างแล้วไปขึ้นรถประจำทางหนีเข้าไปในตัวเมืองกระบี่
พ.ต.อ.สมเด็จ กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุได้ร่วมกับ พล.ต.ต.บุญทวี โตรักษา ผบก.ภ.จว.กระบี่ ได้ตั้งทีมสืบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายประกอบด้วยทั้งทีมสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ และ ทีมสืบสวน ภ.จว.กระบี่ เข้ามาบูรณาการร่วมกันทำงาน
จนสามารถแกะรอยจับกุมตัวคนร้ายได้จากภาพในกล้องวงจรปิดตามเส้นทางการหลบหนีที่จับภาพของคนร้ายเอาไว้ได้จำนวนหลายจุด ซึ่งหลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีเข้ามายังในตัวเมืองกระบี่ ก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมทิ้งที่หน้าห้างและหลบหนีไปตามเส้นทางตลาดเก่า-ในเมือง ก่อนที่จะไปเช่าห้องพักแห่งหนึ่งภายในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ หลังทางเจ้าหน้าที่ทำการแกะรอยของคนร้ายได้อย่างแน่ชัดแล้ว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอขอศาลจังหวัดกระบี่ ออกหมายจับ จนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด พร้อมเงินสดจำนวน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหาได้ให้การยอมรับสารภาพในชั้นของการจับกุม ตามข้อกล่าวหาว่าชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธ เพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
ศูนย์ PIPO ภูเก็ต แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไต๋เรือเหตุสงสัยฝ่าฝืน พ.ร.ก.การประมง
เมื่อเวลา 9.30 น.วันที่ 19 พ.ค. ที่ศูนย์ PIPOพลเรือเอกพิเชษ ตานะเสรษฐ เสนาธิการทหารเรือ พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีการนำเสนอคลิปวีดีโอในสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย มีการนำฉลามวาฬขึ้นบนเรือประมง โดยเหตุเกิดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวานที่ผ่านมา ( 18 พ.ค.) โดยมี น.อ.ภุชงค์ รอดนิกร หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ศรชล.เขต 3 เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ PIPO เจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมชี้แจ้งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
โดยเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ PIPO ภูเก็ต แจ้งว่า หลังมีการแชร์ภาพและคลิปการนำฉลามวาฬขึ้นมาบนเรือทางศูนย์ได้ตรวจสอบเรือดังกล่าวแล้วพบว่าเป็นเรือประมงอวนลาก ชื่อเรือ แสงสมุทร 3 มีนายสมสมัย มีจอม เป็นผู้ควบคุมเรือ มีลูกเรืออยู่บนเรือจำนวน 13 คน จากการตรวจสอบโดยชุด สหวิชาชีพของศูนย์พบว่าเรือแจ้งออกจากท่าเมื่อวันที่ 11 พ.ค.และ ได้แจ้งเข้าไว้ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ แต่เรือได้ขอแจ้งเข้าในเวลา 22 .00 น. วันที่ 18 พ.ค. เพื่อขึ้นสัตว์น้ำซึ่งผลการตรวจสอบของสหวิชาชีพไม่พบการกระทำผิด
ส่วนกรณีสัตว์น้ำที่ปรากฎในคลิปนั้นเป็นฉลามวาฬที่ติดอวนขึ้นมาจริง แต่ทางไต๋เรือแจ้งว่าได้ปล่อยลงทะเลไปแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ทางชุดสหวิชาชีพพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการกระทำอันเป็นเหตุน่าสงสัยว่าเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 มาตรา 66 ประกอบการเกษตร เรื่องการกำหนดชนิดสัตว์น้ำที่เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์น้ำหายาก หรือใกล้สูญพันธ์ที่ห้ามจับ หรือนำขึ้นเรือประมง พ.ศ.2559 ข้อ 2 อนุ 4 ปลาฉลามวาฬ
โดยขณะนี้ จ่าเอกสุชาติ เพชรสวน หัวหน้าชุดตรวจสหวิชาชีพ ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 19 พ.ค.61 เวลา 02.00 น. แล้ว ส่วนเรือแสงสมุทร 3 และเรือแสงสมุทร 2 รวมทั้งสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมง ได้สั่งกักเรือไว้แล้วเนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้ได้มีการโอนคดีไปยังสถานีตำรวจภูธรฉลองแล้วเนื่องจากเหตุเกิดในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.ฉลอง
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แจ้งความดำเนินคดีเพิ่มไต๋เรือ ร่วมกันล่า หรือ พยายามล่าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนั้นเมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ ( 19 พ.ค.61) นายนเรศ ชูผึ้ง ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (สบทช.9) ได้รับข้อสั่งการจากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และนายวัชรินทร์ ถิ่นถลาง ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง
เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติม กับนาย สมสมัย มีจอม อายุ 55 ปี ชาว จ.ยโสธร ไต๋ก๋งเรือ แสงสมุทร 3 และนายรัตนา พรหมงาน ผู้ควบคุมเรือ แสงสมุทร 2 ในข้อกล่าวหา ร่วมกันล่าหรือ พยายามล่าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการ โดยเป็นการแจ้งความเพิ่มเติมจากที่ชุดสหวิชาชีพ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออก เรือประมง เขต 3 (ภูเก็ต) หรือ PIPO ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้
ผู้ว่าฯภูเก็ต สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการนำฉลามวาฬขึ้นเรือ ด้านนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวกรณีที่มีเรือประมงประเภทอวนลากชื่อแสงสมุทร 3 นำปลาฉลามวาฬขนาดใหญ่ขึ้นบนเรือ โดยมีผู้พบเห็นขณะลอยลำอยู่บริเวณเกาะราชากับเกาะเฮอำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ตเมื่อบ่ายวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ ควบคุมการแจ้งเข้า – ออก เรือประมง เขต 3 ภูเก็ต (PiPo)ได้แจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าของเรือดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของปลาฉลามวาฬตัวดังกล่าว ล่าสุด ประมงจังหวัดภูเก็ต ยืนยันว่า ปลาฉลามวาฬยังมีชีวิตอยู่เพราะยังไม่มีประชาชนหรือนักท่องเที่ยวหรือชาวประมงในละแวกใกล้เคียงพบเห็นซากฉลามที่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ
ผวจ.ภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ทางประมงจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเรือนักท่องเที่ยว และเรือประมง ระมัดระวังหากพบเห็นปลาฉลามวาฬขอให้อยู่ห่างๆอย่าเข้าไปสัมผัส เพราะมีประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เป็นข้อบังคับทางกฎหมายกำหนดความผิดชัดเจน การดำเนินคดีกับเจ้าของเรือดังกล่าว มีความผิดทางอาญา โดยขอให้ตรวจสอบเชิงลึกเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เซ็กซี่บาคาร่า